เว็บไซต์ที่ฉันสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วนั้น มีการตั้งค่า hreflang ที่ถูกต้อง
durumis (두루미스) ก็มีการตั้งค่า hreflang ที่ถูกต้องเช่นกัน"
เมื่อใช้งานเว็บไซต์หลายภาษา การตั้งค่า localeและ การตั้งค่า hreflangเป็นสองแนวคิดสำคัญที่คุณจะได้พบเจอบ่อยๆ แม้ว่าสองการตั้งค่านี้ดูเหมือนจะคล้ายคลึงกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ววัตถุประสงค์และวิธีการใช้งานนั้นแตกต่างกัน ในบทความบล็อกนี้ เราจะมาดูความแตกต่างของการตั้งค่าทั้งสองอย่างนี้กันอย่างละเอียด
การตั้งค่า locale คืออะไร?
การตั้งค่า locale คือการกำหนดภาษาและรูปแบบที่แปลเป็นภาษาท้องถิ่นในเว็บไซต์ กล่าวโดยง่าย การตั้งค่านี้จะทำให้เว็บเพจแสดงเนื้อหาให้เหมาะสมกับภาษาหรือภูมิภาคเฉพาะ ตัวอย่างเช่น หากเป็นเว็บเพจภาษาเกาหลี รูปแบบวันที่ ตัวเลข และโซนเวลาจะถูกตั้งค่าให้ตรงกับมาตรฐานของเกาหลี
ตัวอย่างพื้นฐานที่สุดคือการใช้แอตทริบิวต์ <html lang="..."> ใน HTML แอตทริบิวต์นี้จะใช้กำหนดภาษาหลักที่หน้าเว็บใช้และช่วยให้แสดงเนื้อหาที่แปลเป็นภาษาท้องถิ่นได้
ตัวอย่างเช่น ในเพจภาษาเกาหลี จะตั้งค่า lang="ko" ดังนี้:
html
<!DOCTYPE html>
<html lang="ko">
<head>
<meta charset="UTF-8">
<meta name="viewport" content="width=device-width, initial-scale=1.0">
<title>เว็บไซต์ภาษาเกาหลี</title>
</head>
<body>
<h1>สวัสดี!</h1>
</body>
</html>
การตั้งค่าเช่นนี้จะทำให้เพจดังกล่าวแสดงเนื้อหาภาษาเกาหลีเป็นหลัก และแสดงรูปแบบตัวเลขและวันที่ตามมาตรฐานของเกาหลี การตั้งค่านี้จะช่วยให้ผู้ใช้ได้รับเนื้อหาที่ตรงกับภาษาและภูมิภาคที่ต้องการได้อย่างราบรื่น
การตั้งค่า hreflang คืออะไร?
การตั้งค่า hreflang เกี่ยวข้องกับการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา (SEO) ในเว็บไซต์หลายภาษาหรือเว็บไซต์ที่ให้บริการในหลายประเทศ การตั้งค่านี้ทำหน้าที่แจ้งให้เครื่องมือค้นหาทราบว่าเพจใดเหมาะสมกับภาษาและภูมิภาคใด การตั้งค่านี้จะช่วยให้เครื่องมือค้นหาแสดงเนื้อหาที่ตรงกับภาษาและภูมิภาคของผู้ใช้ได้อย่างเหมาะสม
ตัวอย่างเช่น เมื่อมีเนื้อหาเดียวกันเป็นภาษาอังกฤษ เกาหลี และญี่ปุ่นในเพจต่างๆ คุณสามารถใช้ hreflang ระบุอย่างชัดเจนว่าแต่ละเพจนั้นมีเป้าหมายอยู่ที่ภาษาและภูมิภาคใด แท็กที่ใช้คือ <link rel="alternate" hreflang="...">
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการตั้งค่าการเชื่อมโยงระหว่างเพจภาษาอังกฤษ เกาหลี และญี่ปุ่นโดยใช้ hreflang:
html
<head>
<link rel="alternate" hreflang="en" href="https://example.com/en/" />
<link rel="alternate" hreflang="ko" href="https://example.com/ko/" />
<link rel="alternate" hreflang="ja" href="https://example.com/ja/" />
</head>
การตั้งค่าเช่นนี้จะทำให้เครื่องมือค้นหาเช่น Google แสดงผลลัพธ์การค้นหาที่ตรงกับภาษาและภูมิภาคของผู้ใช้ได้อย่างถูกต้อง ตัวอย่างเช่น หากทำการค้นหาจากประเทศเกาหลี เพจภาษาเกาหลีก็จะแสดงผล และหากทำการค้นหาจากประเทศญี่ปุ่น เพจภาษาญี่ปุ่นก็จะแสดงผล
ความแตกต่างระหว่างการตั้งค่า locale และ hreflang
การตั้งค่า locale และ hreflang มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน การตั้งค่า locale ใช้สำหรับแสดงภาษาและเนื้อหาที่แปลเป็นภาษาท้องถิ่นในเพจอย่างถูกต้อง ในขณะที่การตั้งค่า hreflang ใช้เพื่อแจ้งให้เครื่องมือค้นหาทราบถึงภาษาและภูมิภาคของเพจต่างๆ เพื่อให้เพจต่างๆ แสดงผลในผลการค้นหาได้อย่างถูกต้อง
การตั้งค่า localeใช้กำหนดว่าเนื้อหาในเว็บไซต์จะแสดงเป็นภาษาใด และใช้ในการตั้งค่ารูปแบบต่างๆ (วันที่ ตัวเลข ฯลฯ) ให้ตรงกับภาษาที่ใช้
การตั้งค่า hreflangใช้เมื่อมีหลายเพจหลายภาษาหรือหลายประเทศ เพื่อบอกเครื่องมือค้นหาอย่างชัดเจนว่าแต่ละเพจนั้นมีเป้าหมายอยู่ที่ภาษาและภูมิภาคใด
สรุป
การใช้การตั้งค่า locale และ hreflang อย่างมีประสิทธิภาพในเว็บไซต์จะช่วยให้คุณมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นแก่ผู้ใช้ การตั้งค่า locale ช่วยให้แสดงภาษาและเนื้อหาที่แปลเป็นภาษาท้องถิ่นได้อย่างถูกต้อง ส่วนการตั้งค่า hreflang มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหาของเว็บไซต์หลายภาษา การใช้การตั้งค่าทั้งสองอย่างนี้อย่างเหมาะสมจะช่วยปรับปรุงทั้งประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์และ SEO
ความคิดเห็น0